ขอบตาดำ ที่มาจากโรคภูมิแพ้ กับวิธีแก้ให้หน้าโทรมกลับมาใสไม่ยาก!

December 15, 2021 by No Comments

อยู่ดี ๆ ก็ขอบตาดำแบบไม่รู้ตัว ทั้งที่นอนหลับเต็มอิ่ม ไม่ได้หักโหมร่างกาย ไหนจะดูแลผิวหน้าด้วยครีมบำรุงจนมั่นใจว่าดีสุด ๆ แล้ว ส่องกระจกดูอีกที…กลายเป็นหมีแพนด้าไปซะงั้น สาว ๆ ก็คงแอบงงกันใช่ไหมล่ะคะว่า เอ๊ะทำไมอยู่ดี ๆ ปัญหาขอบตาดำคล้ำแบบนี้เกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าหากลองสังเกตดูให้ดี…ลองดูว่ามีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้หรือเปล่า เพราะโรคนี้เป็นตัวการที่ทำให้เกิดขอบตาดำ เหมือนคนอดนอน สุขภาพดูโทรม จนหมดสวย ดังนั้นลองมาดูสาเหตุ และวิธีแก้ เพื่อดึงความมั่นใจกลับมากันดีกว่าค่ะ

อะไรคือขอบตาดำจากโรคภูมิแพ้?

อาการขอบตาที่ดำคล้ำที่มีต้นตอมาจากโรคภูมิแพ้นั้น… จะพบความผิดปกติของผิวหนังได้ที่บริเวณใต้ดวงตา มีสีผิวที่คล้ำกว่าจุดอื่น เหมือนคนอดหลับอดนอน ซึ่งมักมาจากภูมิแพ้จมูกและภูมิแพ้ตา อาการที่พบจะมีน้ำมูกไหล คันจมูก คัดจมูก อยากจามตลอดเวลา และหากอาการมากขึ้นจะเกิดภาวะเยื่อบุจมูกบวม จนหายใจลำบาก เพราะเยื่อบุด้านในปิดกั้นทางเดินหายใจ ส่งผลกระทบให้เลือดดำไหลคั่งอยู่ที่บริเวณใต้ตาล่าง เนื่องจากไหลเวียนผ่านยากลำบากขึ้น ส่วนคนที่มีอาการจากภูมิแพ้ดวงตา จะเกิดอาการคันหัวตา เคืองตา จะเผลอขยี้แรงไม่รู้ตัว เรียกว่ายังเกายิ่งคัน ยิ่งมันส์ก็ยิ่งขยี้หนัก รู้ตัวอีกทีตาแดง ผิวหนังใต้ตาถูกขยี้จนทำให้เป็นรอยย่น ตามมาด้วยรอยคล้ำ

เราจะรู้ได้ยังไงว่าขอบตาดำมาจากโรคภูมิแพ้?

วิธีการสังเกตนั้นไม่ยาก เพราะอาการดำคล้ำใต้ดวงตาจะมาพร้อมกับอาการของโรคภูมิแพ้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอาการคัดจมูก คันตา จาม แสบและเคืองตาจนต้องขยี้ ต่างกับคนที่ขอบตาดำเฉย ๆ โดยไม่มีอาการของโรคภูมิแพ้เข้ามาเกี่ยวข้อง หากเกิดปัญหานี้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็จะช่วยลดอาการคล้ำลงไปได้ ในกรณีที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ แม้จะไม่ได้อันตรายร้ายแรง แต่สำหรับคนที่รักสวยรักงาม บอกเลยว่านี่คือปัญหาชวนกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว

วิธีรักษาขอบตาดำจากโรคภูมิแพ้ แก้ได้ไม่ยากด้วยตัวเอง

การรักษาอาการขอบตาดำคล้ำที่มาจากภูมิแพ้นั้นทำได้ไม่ยาก และไม่อันตราย ถ้าอาการไม่รุนแรง ก็สามารถใช้วิธีรักษาด้วยตัวเองได้ด้วยการกินยาไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ ร่วมกับวิธีอื่น ๆ ดังนี้

1.หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ – เพื่อไม่ให้ขอบตากลายเป็นเจ้าหมีแพนด้า ก็ต้องเลี่ยงตัวสาเหตุเสียก่อน นั่นก็คือสารก่อภูมิแพ้ ถ้ารู้ตัวว่าแพ้อะไร ก็ควรหลีกเลี่ยงจากสิ่งนั้นให้มากที่สุด เพื่อลดการใช้ยากดภูมิ แถมป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำได้

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ – ในแต่ละวันควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าอย่างน้อยต้องวันละ 7-8 แก้ว เป็นน้ำเปล่าสะอาด อุณหภูมิห้องด้วยยิ่งดี ซึ่งจะไปช่วยลดอาการคล้ำ ช่วยทำให้เลือดเจือจางไม่เหนียวข้น ไหลเวียนได้สะดวก ผิวอิ่มน้ำเต่งตึง ลดริ้วรอยที่ใต้ดวงตาได้

3.หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ – การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้ เมื่อโรคเบาลง ก็ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นบริเวณใต้ตาได้

4.เมื่อเกิดภูมิแพ้ให้หลีกเลี่ยงการขยี้ตา – เมื่อยากที่จะหลีกเลี่ยงโรคภูมิแพ้ได้ ก็ต้องหลีกเลี่ยงการขยี้ตา หรือการสัมผัสบริเวณนี้บ่อย ๆ รีบกินยาเมื่อมีอาการ อย่าปล่อยให้รุนแรงจนเยื่อบุในโพรงจมูกบวม

เพื่อลดอาการคล้ำที่ใต้ดวงตาให้มากที่สุดทางที่ดีคือการเข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้โดยตรงจะดีกว่า ซึ่งจะทำให้เราทราบว่าตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้คือะไร ได้รับยารักษาที่ถูกต้องกับโรค ลดอาการต่าง ๆ ให้น้อยลงไป เมื่อโรคสงบ ผลของปัญหาขอบตาคล้ำก็ลดลงตามมา ช่วยให้ผิวหน้ายังสวยดูอ่อนเยา มีน้ำมีนวลได้แบบไม่ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไป