อาการคันช่องคลอดหรืออาการคันอวัยวะเพศภายนอก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ การรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ หรือเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หากมีอาการคันช่องคลอดไม่ควรซื้อยามารับประทานเองแต่ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี อาการคันช่องคลอดไม่ใช่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงแต่ถ้าปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาอาจจะพัฒนาเป็นโรคร้ายแรงได้ อาการคันช่องคลอดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยดังต่อไปนี้

ด้านปัญหาสุขภาพ

สาเหตุที่เกิดจากปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่ก็จะมีดังนี้

1.วัยทอง

วัยทองเป็นวัยที่ผู้หญิงเริ่มจะหมดประจำเดือนแล้ว ส่งผลทำให้กระบวนการผลิตฮอร์โมเพศหญิงที่ชื่อว่า เอสโตเจนลดลง และเมื่อฮอร์โมนลดลงส่งผลทำให้เมือกที่เคลือบช่องคลอดบางลง ทำให้ช่องคลอดแห้งและเกิดอาการคันได้

2.โรคผิวหนัง

โรคผิวหนังบางชนิดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำที่ก่อให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้ เช่นโรคผิวหนังอักเสบที่มักจะพบกับผู้ป่วยที่มีอาการเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหอบหืด โดยโรคผิวหนังที่เป็นผื่นแดงหรือสะเก็ดอาจจะลุกลามไปยังจุดซ่อนเร้นทำให้เกิดอาการคันขึ้นได้ หากมีอาการคันไม่ควรสัมผัสหรือเกาเด็ดขาดเพราะจะยิ่งทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ ควรหายามาทาเพื่อบรรเทาอาการคันเพราะ

3.ภาวะช่องคลอดอักเสบ

อาการคันช่องคลอดที่เกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียแต่ละชนิดภายในช่องคลอด โดยอาการที่พบได้บ่อยคือคันบริเวณช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจมีลักษณะที่ผิดแปลกไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นสีหรือกลิ่น

4.การติดเชื้อรา

การติดเชื้อราเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิง ซึ่งเกิดจากการที่ในช่องคลอดมีการเชื้อราเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน และอาจมีตกขาวลักษณะเป็นก้อนไหลออกมาจากช่องคลอด

5.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดโรคติดต่อทางเพศ ไม่ว่าจะเป็น โรคซิฟีลิส โรคหูด โรคเริม และส่งผลทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้ แม้ว่าอาการคันช่องคลอดจะไม่ร้ายแรงเท่ากับโรคต่างๆ เหล่านี้ แต่ก็สามารถพัฒนามาเป็นโรคติดต่อทางเพศได้

6.มะเร็งปากช่องคลอด

อาการคันช่องคลอดยังบ่งบอกถึงอาการมะเร็งในช่องคลอดได้เช่นกัน ซึ่งอาการมะเร็งช่องคลอดมักจะมีจุดเริ่มต้นจากอาการคันช่องคลอดและรู้สึกเจ็บบริเวณปากช่องคลอด โดยคุณควรที่จะตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำเพราะถ้าหากเจอโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถรักษาได้ทีนท่วงที

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

นอกจากปัญหาสุขภาพของตัวเราเองแล้ว ก็อาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างอีกด้วย ได้แก่

1.การโกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้น

การโกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้นก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้เช่นกัน เพราะจากงานวิจัยพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอาการคันจุดซ่อนเร้นมักจะมาจากสาเหตุการโกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้นซึ่งจะทำให้รู้สึกคันอย่างรุนแรง โดยคุณอาจจะหลีกเลี่ยงมาใช้วิธีกำจัดขนด้วยการเล็ม แว็กซ์ หรือเลเซอร์แทนเพื่อป้องกันอาการคันบริเวณช่องคลอดได้

2.การใช้สารเคมี

เพราะจุดซ่อนเร้นบอบบางและแพ้ง่าย การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มีส่วนผสมสารเคมีมากเกินไปอย่างเช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ อาจจะทำให้จุดซ่อนเร้นระคายเคืองได้ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสารเคมีแล้วนั่นไม่ดีต่อร่างกายแน่นอนไม่ว่าจะมากหรือน้อย ควรใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจะดีที่สุด

3.ความเครียด

แม้ว่าความเครียดจะเป็นสาเหตุที่พบได้ไม่บ่อยแต่ภาวะเครียดอาจทำให้เกิดอาคารคันภายในช่องคลอดได้ เนื่องจาก ความเครียดจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น รู้อย่างนี้แล้วควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย หากิจกรรมต่างๆ ทำเพื่อให้ร่างกายได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

4.การทำกิจกรรมต่างๆ

การทำกิจกรรมบางอย่างก็ก่อให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้เช่นกันยิ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองจุดซ่อนเร้นโดยตรงอย่างเช่น การปั่นจักรยาน การขี่ม้า หรือแม้แต่การสวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นตึงจนเกินไป และหลังจากทำกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว หากมีเหงื่อออกเยอะทำให้ชุดชั้นในนั้นเปียกชุ่ม คุณก็ควรที่จะเปลี่ยนโดยทันทีนะคะ

เพราะฉะนั้นเครื่องดูดไขมันแล้ว คุณควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพอนามัยของตนให้ดี จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการคันช่องคลอดได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใส่ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย การเช็ดทำความสะอาดหลังขับถ่าย เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกหลังว่ายน้ำหรือหลังออกกำลังกายทันที ล้างจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำอุ่นและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่อ่อนโยนต่อจนกว่าอาการช่องคลอดจะดีขึ้น และไม่ควรที่จะเกาผิวหนังบริเวณจุดซ่อนเร้นเพราะอาจกระตุ้นทำให้ระคายเคืองเพิ่มมากยิ่งขึ้น